วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ระบบ ERP และระบบ SAP

ระบบ ERP



·    ห่วงโซ่ของกิจกรรมขององค์กร
                องค์กรธุรกิจประกอบกิจกรรมธุรกิจในการส่งมอบสินค้าหรือบริการให้แก่ลูกค้า  กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรม  สร้างมูลค่า    ของทรัพยากรธุรกิจให้เกิดเป็นสินค้าหรือบริการและส่งมอบ มูลค่านั้นให้แก่ลูกค้า โดยกระบวนการสร้างมูลค่าจะแบ่งออกเป็นส่วนๆ โดยแต่ละส่วนจะรับผิดชอบงานในส่วนของตน และมูลค่าสุดท้ายจะเกิดจากการประสานงานระหว่างแต่ละส่วนหรือแผนกย่อยๆ  ดังนั้นกิจกรรมที่สร้างมูลค่านั้น ประกอบด้วยการเชื่อมโยงของกิจกรรมของแผนกต่างๆ ในองค์กร  การเชื่อมโยงของบริษัทเพื่อให้เกิดมูลค่านี้ เรียกว่า ห่วงโซ่ของมูลค่า (value  chain)”


·    ปัญหาที่เกิดขึ้นในการบริหารธุรกิจ
                    ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ การเชื่อมโยงของกิจกรรมการเพิ่มมูลค่าของแต่ละแผนก มักจะมีปัญหาเรื่องการสูญเปล่าและการขาดประสิทธิภาพ อีกทั้งการใช้เวลาระหว่างกิจกรรมที่ยาวเกินไป       ทำให้ผลผลิตต่ำลง เกิดความยากลำบากในการรับรู้สถานภาพการทำงานของแผนกต่างๆ ได้      ทำให้การตัดสินใจในการลงทุนและบริหารทรัพยากรต่างๆ ทำได้ยากขึ้น การบริหารเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์กรไม่สามารถทำได้


ระบบ SAP
SAP PM(Preventive Maintenance)
SAP PM  เป็นโปรแกรมการบริหารงาน และควบคุมระบบการซ่อมบํารุงด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เป็นการบริหารงาน และควบคุมระบบการซ่อมบํารุง ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นระบบการทำงานภายใต้ระบบงาน SAP ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันในบริษัทชั้นนำทั่วไป โดยการควบคุมระบบงานซ่อมด้วย ใบสั่งงาน (MO – Maintenance Order) และการวางแผนงานบำรุงรักษา (Preventive Maintenance) โดยระบบมีความสอดคล้องกับระบบ TPM (Total Preventive Maintenance) ซึ่งระบบ TPM นั้น เป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในระบบอุตสาหกรรม
           
SAP PM   เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการบริหาร และควบคุมระบบการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักร
       ซึ่งประกอบด้วย 5 Module ใหญ่ๆ ดังนี้
1.       ระบบการบริหารการซ่อม (Repair/Corrective Maintenance)
o        แจ้งซ่อม (MR. Maintenance Request)
o        ใบสั่งซ่อม (MO. Maintenance Order)
o        ปิดงานซ่อม (MC. Maintenance Complete)
o        ตรวจรับงานซ่อม (MA. Maintenance Approved)
o        วิเคราะห์/รายงาน/กราฟ สรุปการทำ Maintenance
Ø       เวลาเครื่องจักรหยุด (Downtime)
Ø       แนวโน้มการหยุดของเครื่องจักร (Trend of Downtime)
Ø       ประสิทธิภาพของเครื่องจักร (Performance of Machine)
Ø       ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง (B.M. Budget)
Ø       สาเหตุการเสียของเครื่องจักร (Root cause of Machine)
2.       ระบบการบริหารการบำรุงรักษา (Preventive Maintenance System : P.M.)
o        สร้างแผนงานบำรุงรักษา (P.M. Create)
Ø       กำหนดแผน (วัน/สัปดาห์/เดือน/ปี)
Ø       กำหนดวันทำงาน
Ø       กำหนดคน
Ø       กำหนดเวลาการทำงาน
Ø       กำหนดการเปลี่ยนอะไหล่
o        ออกใบสั่งงานบำรุงรักษา (P.M. Work Order)
o        ปิดงานบำรุงรักษา (P.M. Complete)
o        ตรวจรับงานบำรุงรักษา (P.M. Approved)
o        วิเคราะห์/รายงาน/กราฟ สรุปการทำ P.M.
Ø       ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา (P.M. Budget)
Ø       ติดตามแผนบำรุงรักษา (P.M. PM Plus+TM up)
Ø       วิเคราะห์แผนบำรุงรักษา (P.M. Analyses)
Ø       วิเคราะห์แรงงาน (Labor Analyses)
3.       ระบบการบริหารพัสดุ, การสั่งซื้อและการบริหารต้นทุนแรงงาน (Material Reservation, External Procurement, Labor Cost)
o        บริหารจัดการ stock พัสดุแบบรวมศูนย์ (Spare Part Pool)
o        บริหารจัดการสั่งซื้อพัสดุจากภายนอก
o        บริหารจัดการต้นทุนแรงงานในการซ่อมบำรุง
4.       ระบบการบริหารประวัติการซ่อมบำรุง (Maintenance History)
o        เก็บบันทึกประวัติการซ่อมบำรุงทั้งในส่วนของ Report ต่างๆ, ค่า downtime, ประวัติการซ่อม,ประวัติเครื่องจักร, BOM ของเครื่องจักร
5.       ระบบการบริหารต้นทุนและการวิเคราะห์การซ่อมบำรุง
o        สามารถบริหารต้นทุนของการซ่อมบำรุง
o        สามารถวิเคราะห์ต้นทุนหรือการซ่อมบำรุงได้หลายรูปแบบ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น